
ผู้ตายเริ่มมีอาการไม่สบาย เดินไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 ครอบครัวพาไปรักษาตัวโรงพยาบาลเอกชน และกลับมารักษาตัวต่อที่บ้านย่านมีนบุรี จนเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 เริ่มมีอาการไข้และหายใจไม่ออก จึงพาไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ช่วงกลางดึกก็ถูกส่งตัวต่อไปยังสถาบันบำราศนราดูร ส่วนลูกชายที่พาผู้ตายไปส่งโรงพยาบาลถูกกักตัว 4 วันและถูกตรวจหาเชื้อโควิด19 แต่ไม่พบ แพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน
นางกัญญาภัทร กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาที่ผู้ตายเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแพทย์ได้รักษาสุดความสามารถ นอกจากแพทย์จะตรวจพบเชื้อโควิด19 ยังพบว่า ป่วยเป็นวัณโรคอีกด้วย
กระทั่งเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 แพทย์ได้แจ้งตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 แล้ว แต่โควิด19 ได้เข้าไปทำลายอวัยวะภายในได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะปอดได้รับความเสียหายหนักสุด ตลอดระยะเวลาที่ผู้ตายรักษาตัว ครอบครัวได้เข้าเยี่ยมโดยใส่ชุดป้องกัน ช่วงหลังที่ไม่พบเชื้อแพทย์อนุญาตให้ใส่เพียงถุงมือและหน้ากากอนามัย รวมระยะเวลารักษาตัวกว่า 50 วัน
ทั้งนี้ ครอบครัวรับแจ้งจากแพทย์ว่าผู้ป่วยเสียชีวิตเมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา จึงได้ให้ญาติไปติดต่อกับวัดย่านมีนบุรี เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา แต่ถูกปฏิเสธ โดยให้เหตุผลไม่สามารถดำเนินการเผาศพได้ เพราะกลัวเชื้อจะแพร่ระบาดในพื้นที่ ยืนยันผู้ตายหายป่วยจากโควิด19 ก่อนจะเสียชีวิต คนในครอบครัวทุกคนตรวจหาเชื้อโควิด19 แล้ว แต่ไม่พบ วิงวอนขอให้วัดอนุญาตให้ครอบครัวได้จัดงานศพ ตั้งใจจะจัดงานเพียง 3 วัน เท่านั้น