Sunday, March 8, 2020

สาวกัดสีผมเปิดใจ ช่างทำหัวเหวอะคิด 1 พัน สุดท้ายโอนคืนขอจบเรื่อง ก่อนปิดร้านหนี

 จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Davika Moonnin โพสต์ภาพพร้อมบรรยายข้อความว่า เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 63 ได้ไปทำสีผมที่ร้านทำผมแห่งหนึ่ง ย่านรามคำแหง กทม น้ำยาทำสีผมที่เจ้าของร้านผสมมาทำผม กัดบริเวณท้ายทอยจนเป็นแผลเหวอะ ซึ่งทางร้านทำผมปัดความรับผิดชอบ และปิดร้านหนีนั้น
 วันที่ 8 มีนาคม 63 นางสาวดาริกา มูลนิล หรือ หนูนา อายุ 28 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเองไม่เคยทำสีผมมาก่อน จึงมีความคิดอยากจะลองเปลี่ยนมาทำสีผม เนื่องจากเห็นพี่ที่ทำงานไปทำที่ร้านทำผม ภายในซอยรามคำแหง 21 จึงลองไปทำตาม ตนเองจึงขอข้อมูลติดต่อเจ้าของร้านจากพี่ที่ทำงาน ตนจะทำผมสีเทา และตกลงราคา 1500 บาท วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 63 เวลา 11 00 น ตนเองก็ไปทำผมตามที่นัดกันไว้ เห็นคนทำผมผสมสีทำผมจัดเตรียมรอเอาไว้แล้ว ด้วยความไว้ใจ เห็นว่าเขารู้จักกับพี่ที่ทำงานซึ่งมาทำแล้วดี ตนเองจึงไม่ได้มีความกังวล ไม้ได้สอบถามว่าใช้สีกัดผมยี่ห้อใด

จากนั้นคนทำผมก็แบ่งผมของตนเองเป็นช่อ ๆ เริ่มลงน้ำยากัดสี ใช้แร็ปใสพันผมตั้งแต่โคนถึงปลายผม นำผ้าขนหนูมาห่อหัว และใช้เครื่องอบไอน้ำครอบผมตามปกติ ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที คนทำผมก็ไปคุยโทรศัพท์หลังร้าน ตนเองก็นั่งเล่นโทรศัพท์รอ สักพักก็เริ่มรู้สึกร้อนท้ายทอย ด้วยความตกใจตนเองจึงกรี๊ด และรีบเอาหัวออกจากเครื่องอบทันที พร้อมตะโกนสุดเสียงให้คนทำผมกลับมาดู แต่เจ้าตัวก็ไม่กลับมา ตนเองจึงลุกจากเก้าอี้ วิ่งเข้าไปด้านหลังร้าน ได้ยินเสียงเขาเปิดลำโพงคุยโทรศัพท์เสียงดังในห้องน้ำ ตนเองจึงทุบประตูห้องน้ำเรียกอยู่นาน แต่ก็ไม่ออกมา
 จากนั้น ตนเองจึงดึงทุกอย่างที่พันหัวออก รีบวิ่งเอาหัวไปจ่อที่พัดลม ขณะนั้นปวดร้อนจนทำอะไรไม่ถูก จากนั้นไม่นาน คนทำผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ถามตนเองว่า เป็นอะไร ร้อนหรอ ก่อนที่จะให้ตนเองไปนั่งที่เก้าอี้แล้วดูแผลให้ พร้อมบอกว่า ไม่เป็นไร แค่น้ำร้อนลวก พองนิดเดียว ตนเองก็เชื่อ เพราะมองไม่เห็นแผลตัวเอง แล้วเขาก็ไปเอาอะไรบางอย่างมาทาที่แผลตน เขาบอกว่าเป็นทรีตเมนต์ล้างสารพิษ ตนเองงงว่าหากน้ำร้อนลวก จะเอาทรีตเมนต์มาใส่ที่แผลทำไม จึงบอกไปว่า พี่เอาออกไป เอาอะไรที่ดีกว่านี้มาทาให้หน่อย คนทำผมจึงไปหักว่านหางจระเข้และยาสีฟันมาถูแผลตน ตนเองก็รู้สึกว่าเขาทำมั่วไปหมด

จากนั้นเขาก็ยังมาทำผมต่อ พูดปลอบตนเองตลอดว่า ไม่เป็นไรเลย ปกติไม่เคยมีเเบบนี้ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พูดเเบบนี้เรื่อย ๆ จนทำสีเสร็จ ก่อนจะจ่ายเงินก็ลดให้ 500 บาท บอกว่าให้ตนไปหาหมอ ส่วนที่เหลือ 1000 บาท ให้ตนโอนจ่าย

หลังจากที่ตนเองกลับบ้าน ย่านพัฒนาการ ยิ่งมีความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนมากขึ้น จึงเดินทางไปพบแพทย์ที่ รพ วิภาราม หมอก็ตกใจถามตนเองว่าไปโดนอะไรมา หมอบอกว่าตนถูกน้ำยากัดสีผม เพราะหากกัดสีผม ห้ามใช้เครื่องอบไอน้ำ สารฟอกสีจากน้ำยากัดสีผมจะเกิดการพองตัว หากโดนความร้อนก็จะเกิดการปะทุ น้ำยากัดสีละลายไหลลงมาถูกท้ายทอยจนเป็นแผล เสี่ยงแผลติดเชื้อ หลังจากนั้น ตนติดต่อกลับไปบอกช่างทำผมแล้วบอกอาการ ได้รับคำตอบกลับมาว่า พี่ก็ไม่สบายใจ งั้นพี่โอนเงินค่าทำผม 1000 บาทคืนให้ก็แล้วกันนะคะ
 ซึ่งตนไปทำแผลที่โรงวพยาบาลทุกวัน ผ่านไป 1 สัปดาห์ แผลเริ่มใหญ่ขึ้น แพทย์ต้องโกนผมแล้วขูดเนื้อเเผลที่เสียออก ขูดเนื้อแผลสด ๆ และใช้ผ้าก็อซชุบน้ำเกลือถู เอาเนื้อที่อยู่ด้านบนออก เพื่อสร้างเนื้อผิวชั้นใหม่ ตนทุกข์ทรมานมาก จึงติดต่อไปคุยกับช่างทำผมอีกครั้ง อยากให้เขาช่วยรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลบ้าง เขากลับบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจและเขาก็เสียหายเหมือนกัน เพราะทำสีผมก็ต้องมีต้นทุน หากจะให้ช่วยก็จะจ่ายให้ตนเองเพียง 2000 บาท เป็นค่าจบเรื่อง
 จากนั้น ตนจึงนัดเจอกันที่ สน หัวหมาก เพื่อเจรจากันใน วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 63 แต่อีกฝ่ายก็ไม่มาตามนัด ปิดเครื่อง บล็อกช่องทางการติดต่อ และย้ายร้านหนีไปอย่างปัดความรับผิดชอบ ตำรวจจึงทำได้เพียงลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น หลังจากเกิดเหตุ ตนเองก็รู้สึกเสียใจ แค่อยากสวย ไม่คิดว่าจะกลายเป็นแผลแบบนี้
สอบถาม นางลำดวล พิไลกุล อายุ 56 ปี เพื่อนบ้านร้านทำผม เล่าว่า ปกติเจ้าของร้านเป็นคนนิสัยดี ซื่อตรง เช่าที่ตรงนี้เปิดร้านเสริมสวยมานาน 6 ปีแล้ว เขาเก่งเรื่องทำสีผม กัดสีผม ลูกค้าเข้ามาใช้บริการเยอะ แต่ได้ย้ายออกไปตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 63 ซึ่งตอนแรกตนเองก็ไม่ทราบว่าย้ายไปเนื่องจากอะไร เพราะย้ายไปอย่างกะทันหัน กระทั่งมาทราบข่าว ซึ่งเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 63 ช่วง 12 00 น เจ้าของร้านได้วิ่งมาหาตนเองที่ร้านติดกัน บอกว่าขอว่านห่างจระเข้ที่ตนเองปลูกไว้หน้าบ้านหน่อย จะเอาไปทาให้ลูกค้า จนช่วงเย็นวันเกิดเหตุ เขามาเล่าให้ฟังว่า ผู้เสียหายเป็นลูกค้าจร ต้องการจะให้ทำสีผมให้เสร็จในวันเดียว แต่จริง ๆ ทำไมได้ เพราะการกัดสีผม ต้องทำ 1 ถึง 2 ครั้งแล้วพักศีรษะ 1 สัปดาห์