
ในโซเชียลได้มีการแชร์ส่งต่อภาพคุณป้ารายหนึ่งที่นั่งขายของที่ตลาดนัด แต่พอดูข้อความข้างกล่องนม กลับพบว่าเป็นของที่นำมาจากตู้ปันสุข เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์ข้อความระบุว่า ณ ตลาดแห่งหนึ่ง จ. ปทุมธานี
ข้างกล่องนมยังมีเขียนอยู่เลยว่า หยิบตามจำนวนที่พอเหมาะ รู้เลยว่าเอามาจาก ตู้ปันสุข มันไม่ผิดกฎหมายนะป้า แต่มันผิดต่อจริยธรรมหว่ะ ป้าอาจจะเดือดร้อนจริง แต่ป้าควรจะมีวิธีอื่นทำมาหากินมั้ย นี่คือตัวอย่างเหตุผลหนึ่ง ที่แจกข้าวเองให้ถึงมือคนที่ต้องการจริง ๆ ไม่ตั้งโต๊ะให้คนมาต่อแถว เพราะอย่างน้อย คนที่ไม่มีจริงๆ ก็ได้อิ่มจริงๆ ไปอีก 1 มื้อ

โพสต์ต้นเรื่อง

มาม่า ข้าวสาร นมกล่อง

นำมาวางขาย

ข้างกล่องมีข้อความเขียน หยิบแต่พอเหมาะ
ล่าสุดวันที่ 26 พฤษภาคม เพจแหม่มโพธิ์ดํา ได้โพสต์ข้อความระบุว่า เจอป้าแล้วค่ะ จากกรณีที่มีผู้ส่งต่อภาพป้าคนหนึ่งนำนม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่ได้จากตู้ปันสุข มาขายต่อที่ตลาดนัดมือสองย่านรังสิต จ ปทุมธานี โดยบริเวณข้างกล่องนมยังถูกเขียนว่า เอาคนละกล่องอีกด้วย

ล่าสุด ทีมข่าวได้ไปตระเวนตามหาป้าคนดังกล่าว จนเจอตัวที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ทราบชื่อคือ ป้าเลื่อน อายุ 62 ปี ชี้แจงว่า ที่มีคนบอกว่าป้าเอาของจากตู้ปันสุขมาขายต่อนั้นไม่เป็นความจริง ของที่เอามาขายต่อป้าไปซื้อมาขายอีกที
โดยป้าได้ไปรับซื้อของบริจาคจากคนเร่ร่อนที่อยู่แถวสถานีรถไฟหัวลำโพงมาขายต่อเท่านั้น เพราะสงสารคนเร่ร่อน เนื่องจากพวกเขาไม่มีอุปกรณ์ปรุงอาหาร จะต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือหุงข้าวก็ทำไม่ได้ จึงรับซื้อเพื่อให้สามารถนำเงินไปซื้อข้าวกินแทน ขณะที่ตัวป้าเอง ก็เอามาขายต่อในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดเพื่อเอากำไรเล็กๆน้อยๆพอประทังชีพ
โดยป้าบอกว่า รับซื้อนมกล่องละ 6 บาท มาขายต่อกล่องละ 7 บาท 3 กล่อง 20 บาท บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรับซื้อ 3 ห่อ 10 บาท ขายต่อ 5 ห่อ 20 บาท วันที่ขายในรูปนั้นขายได้ไม่ถึง 200 บาท กำไรไม่ถึง 100 บาท หักค่าแผงตลาดไปอีก 50 บาท จากนั้น ป้าก็ยื่นเงินที่เหลือจากการขายของจำนวน 30 กว่าบาทให้เราดูว่า ตอนนี้เหลือเงินเท่านี้จริงๆ ส่วนตัวหนังสือที่เขียนข้างกล่องนมนั้นป้าอ่านไม่ออก เพราะอ่าน เขียนหนังสือไม่เป็น ถ้ารู้ว่ามีการเขียนเพื่อไม่ให้ขายต่อก็จะไม่ทำ
หลังเกิดเหตุก็ถูกคนดูแลตลาดไม่ให้นำของมาขายอีก ป้ารู้สึกเสียใจมากไม่คิดว่า การไปรับของมาขายต่อเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ เดิมทีป้าเป็นคนเพชรบุรีเดิน ทางมากทม.เพื่อเยี่ยมน้องสาว แต่ติดต่อน้องสาวไม่ได้ พอจะกลับบ้านก็ติดช่วง covid ทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับได้ จึงมาหาอาชีพเลี้ยงปากท้องเพื่อให้พ้นวิกฤตจะได้กลับบ้าน เมื่อขายของแล้วถูกสังคมต่อว่าก็ไม่กล้ารับของมาขายอีกและคงมารอข้าวแจกฟรีแถวหัวลำโพงเท่านั้น ป้ากล่าว
ขอบคุณเรื่องราวจาก ปอเปี๊ยะ กาลเวลา