
โดยทีมข่าวแบ่งการทดสอบออกเป็น 2 ครั้ง คือ 1 เดินตามจุดพบรอยเท้าของคำให้การนางจำลอง ซึ่งห่างจากบ้านชมพู่ 200 ม. 2 เดินไปตามจุดพบรอยเท้า นายวา ซึ่งห่างจากบ้านไป 400 ม.
ทั้งนี้ 2 การทดสอบนี้มีปัจจัยที่แตกต่างกันคือ อายุของเด็กที่นำมาทดสอบ คนที่ 1 อายุ 4 ขวบ อายุมากกว่าชมพู่ 1 ปี ส่วนคนที่ 2 อายุ 7 ขวบ อายุมากกว่าชมพู่ 4 ปี โดยจุดเริ่มตนการเดินอยู่ที่เดียวกันคือ บริเวณหน้าบ้านของน้าน้องชมพู่
ทีมข่าวให้น้องคนแรกนั่งที่เปลจุดที่ชมพู่นั่งเล่น โดยมีสุนัขชื่อปลาส้ม นอนอยู่ข้างล่าง โดยทีมข่าวพาน้องเดินไปตามเส้นทางป่ายาง ทะลุออกไปป่ามันสำปะหลัง โดยไปถึงจุดที่พบรอยเท้าของคำให้การนางจำลอง ซึ่งใช้เวลาเดินมาถึงจุดนี้ 3.01 นาที ทำให้เหลือเวลาเดินต่ออีก 7.59 นาที
โดยจุดนี้ ทีมข่าวเริ่มอุ้มเด็กเดินไปตามทาง เนื่องจาก น้องเริ่มมีอาการเหนื่อยและบอกกับทีมข่าวว่าต้องการให้อุ้ม ทีมข่าวจึงอุ้มและพาน้องมุ่งหน้าเดินไปเรื่อยๆตามทาง น้องไม่ได้มีการงอแง เพียงแต่บอกว่าหนูไม่เคยพามาจุดนี่ จะพาหนูไปที่ไหน ใกล้ถึงจุดหมายหรือยัง ซึ่งเป็นไปตามภาษาเด็ก
การเดินทดสอบในครั้งนี้พบว่าปลาส้ม สุนัขบ้านน้องชมพู่ ซึ่งก็เดินตามทีมข่าวมาด้วย ไม่มีการเห่า สามารถเดินไปด้วยได้โดยไม่มีปัญหา และไปหยุดที่จุดสุดท้าย ตรงกับสุนัขตำรวจเจอหลักฐาน

ภาพ ทุบโต๊ะข่าว
โดยการทดสอบนี้ ทีมข่าวสามารถเดินไปได้ไกลจากบ้านของน้าน้องชมพู่ ประมาณ 450 เมตร ในทิศตะวันออก ห่างจากจุดเจอแหวนราว 50 เมตรเท่านั้น
ทีมข่าวสอบถามเด็กหลังจากเดินเสร็จ ระบุว่า ไม่เคยมาที่จุดนี้ และยอมรับว่าค่อนข้างเหนื่อย ถึงแม้ว่าจะมีการอุ้มก็ตาม และไม่กล้าที่จะเดินทางมาเอง ส่วนตัวก็ไม่เคยมีใครพามา พ่อแม่ก็ไม่เคยพามา แม่ก็ไม่ให้เข้ามา ทีมข่าวได้ย้อนกลับไปสอบถาม นางสาวขวัญใจ เชื้อตาพระ เจ้าของไร่มันสำปะหลัง เปิดเผยว่า
ไร่มันของตน นอกจากตนที่เข้าไปปลูกมันและทำการเกษตร รวมถึงยังมีญาติๆ และชาวบ้านรวมประมาณ 4 ถึง 5 คน ที่มีพื้นที่การเกษตรติดกับตน มักจะเดินผ่านไร่มันของตนไปยังพื้นที่ของเขา ซึ่งในช่วงก่อนที่น้องชมพู่จะหายไป ตนก็ไม่เคยเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่เลย และตนก็ไม่ได้สังเกตว่ามีใครเดินเข้ามาในไร่มันหรือไม่
เนื่องจาก ไร่มันมันก็อยู่ไกลจากบ้านของตนมาก ไม่ได้อยู่ในระยะสายตาแต่ยอมรับว่า ไร่มันของตนเป็นเส้นทางขึ้นป่า ก็จะมีคนเดินผ่านขึ้นป่าเป็นประจำ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าใครเดินผ่านบ้าง เพราะตนจะอยู่ไร่มันช่วงเวลา 09.00 ถึง 12.00 น. เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ตนก็จำไม่ได้ว่ามีคนสติไม่ดีเคยมาเดินอยู่ในหมู่บ้านหรือไม่ เพราะตั้งแต่ปลูกมันสำปะหลังก็ยังไม่เคยไปดูไร่มันเลย ทีมข่าได้เปลี่ยนตัวเด็ก เพื่อให้ค่าตั้งต้นความเหนื่อยเท่ากัน โดยน้องอายุมากกว่าชมพู่ 4 ปี เริ่มทดสอบรอบนี้ สามารถเดินได้เอง จนกระทั่งไปถึงจุดที่พบรอยเท้าของนายวา
การเดินถึงแม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้าง ซึ่งสภาพป่าเปลี่ยนไปจากเดิมค่อนข้างมากคือ ต้นหญ้าเพ็กขึ้นค่อนข้างสูงกว่าช่วงที่ชมพู่หาย ทีมข่าวเดินทางมาถึงจุดที่พบรอยเท้าของคำให้การนายวา โดยทีมจ่าวเดินทางมาถึงต้น กระโดน ซึ่งใช้เวลาเดินมา 7.34 นาที ซึ่งเหลือเวลา 3.26 นาที ที่สามารถเดินต่อไปได้
จากนั้น ทีมข่าวเดินต่อจนครบ 11 นาที พบว่าจุดที่ไปถึงคือบริเวณห่างจากจุดพบแหวน 20ม. เดินมาไกลจากบ้าน 480ม. เป็นการเดินตลอดทาง ไม่มีการอุ้มเด็ก
เมื่อสอบถามน้องตอง ระบุว่า บรรยากาศเมื่อเข้ามาค่อนข้างเงียบ หากเดินมาเองคงมาได้แต่กลัวว่าอาจจะถูกโจรลักพาตัว ส่วนตัวไม่เคยเดินมาถึงจุดนี้ ไม่เคยมีใครพามา และก็ไม่คิดจะมา เพราะกลัวคนร้าย.
คลิป
ขอบคุณคลิปจาก อมรินทร์ ทีวี