Wednesday, June 10, 2020

แม่น้องชมพู่ พูดแล้ว หลังลุงหวั่นถูกจับ ผล DNA ออก

ความคืบหน้าล่าสุด กรณีของเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่เสียชีวิตบริเวณป่าภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยก่อนหน้านี้ นายไชย์พล วิภา ซึ่งเป็นลุงของชมพู่พร้อมกับชาวบ้าน จนท.อุทยานแห่งชาติภูผายล เดินขึ้นเขาเพื่อไปที่จุดพบศพ และไปดูตามขอนไม้ ในจุดที่คาดว่า คนร้ายอาจจะซ่อนเสื้อน้องชมพู่ไว้ หลังจากที่ชาวบ้านได้ยินเสียงหลังจากจุดธูป ระหว่างทางก็มีการหาเสื้อและหลักฐานต่างๆแต่ก็ยังไม่พบ

โดยระหว่างทางได้พูดคุยกับนายไชย์พล วิภา กล่าวว่า ตนมาหาน้องชมพู่บ้าง ซึ่งก็อยากจะพบเสื้อของน้อง อยากจะเจอหลักฐาน แต่หลังจากติดตามข่าวก็ยอมรับว่า เวลาเห็นว่าเจอหลักฐานใหม่ๆ ก็มีความแปลกอยู่ว่า การวางหลักฐานของคนร้ายที่เรียงกันเป็นจุดๆ เหมือนกับนิสัยของนายพรานหรือไม่
รวมถึงมีการถามลุงน้องชมพู่ว่า ในโลกโซเชียลและหลายคนอาจจะพุ่งเป้ามาที่ตน ว่าเป็นคนร้ายในการก่อเหตุกับหลานตัวเอง ตนยอมรับว่ามีเครียดบ้างแต่ไม่ได้กังวล เพราะวันที่เกิดเหตุตนก็ไม่ได้อยู่บ้าน ตนยังช่วยออกตามหาอยู่ทุกวัน
ตนก็เป็นห่วงและรักน้องชมพู่เหมือนลูกของตนเอง ยอมรับว่าบางครั้งที่ตำรวจเรียกไปสอบก็เครียดบ้าง เพราะตำรวจก็ถามซ้ำไปซ้ำมา ส่วนใครจะสงสัยว่า ตนเป็นผู้ก่อเหตุก็ไปห้ามไม่ได้ เพราะทุกคนก็มีสิทธิ์สงสัยได้ หลังจากนี้หากจนท.ตำรวจทำงานเสร็จแล้วความจริงจะปรากฏออกมาเอง พร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า เพราะเวลานึกถึงหน้าหลาน ก็จะมีน้ำตาไหลอยู่ตลอดทุกวัน นึกถึงเวลาชมพู่ไปอยู่ด้วย คิดถึงเพราะความผูกพัน
ล่าสุด ผลตรวจDNAของผู้ต้องสงสัยออกแล้ว หลังตำรวจเก็บเส้นบางอย่างใกล้จุดพบศพน้องชมพู่ ลักษณะคล้ายเส้นผมหรือเส้นขน แต่ตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และไม่แน่ชัดว่าผลการตรวจนี้จะสามารถนำไปสู่การออกหมายจับได้หรือไม่
ด้านพ.ต.อ.ชัชชัย วงค์สุนะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรมุกดาหาร ให้ข้อมูลเรื่องผลตรวจดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุ ระบุว่า กรณีเส้นพบที่พบใกล้เคียงศพของชมพู่นั้น ผลตรวจตั้งต้นนั้นมีข้อมูลอยู่บ้างแล้ว แต่ต้องมีการนำเข้าไปตรวจสอบโดยละเอียด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจและยังไม่สามารถระบุช่วงวันได้ว่า จะมีผลออกมาอย่างละเอียดเมื่อใด ซึ่งหลังจากได้ผลโดยละเอียด จะนำไปเทียบเคียงเพื่อสรุปผลอีกครั้งหนึ่ง
ภาพจาก amarintv
ขณะที่ นายไชย์พล วิภา กล่าวว่า ตนยืนยันมั่นใจในความบริสุทธิ์ แต่มีกังวลเรื่องผลดีเอ็นเออยู่บ้าง เนื่องจากวันที่ตนขึ้นไปพบศพน้องชมพู่ ได้สะพายกระเป๋าเป้ที่ใส่เสื้อผ้าและผ้าขนหนูของน้องชมพู่ไป ซึ่งพ่อของน้องชมพู่ เป็นคนเตรียมให้ เผื่อว่าจะเจอน้อง
โดยขณะขึ้นไปกลับพบว่าหลานเสียชีวิต ซึ่งตนอยู่ใกล้กับศพที่สุด ระยะราว 1 ถึง 2 เมตร โดยก็กังวลว่าเหงื่อตนอาจจะหยดอยู่รอบๆหรือกระเด็นไปถูกตัวน้องชมพู่ แต่ตนยืนยันว่าตนไม่ได้สัมผัสตัวหลานเลย ประกอบกับขณะจนท.พิสูจน์หลักฐานมา ตนได้หยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ของชมพู่ที่เตรียมไป โดยใช้มือเปล่าหยิบส่งให้กับจนท.เพื่อคลุมร่างน้องไว้ เนื่องจาก ขณะนั้นสภาพหลานสาวไม่ได้สวมเสื้อผ้า ซึ่งตนก็กังวลเรื่องนี้อยู่บ้าง ส่วนคดีความหากหมายจับออกมาที่ตนจริง ตนก็พร้อมสู้คดี เพราะยังยืนยันว่าไม่ได้ก่อเหตุ และรักหลานเหมือนลูก
ภาพจาก amarintv
ด้านนายอนามัย วงค์ศรีชา (พ่อของน้องชมพู่) เปิดเผยว่า สำหรับกระเป๋าที่ใส่ของให้ลุงไชย์พล สะพายไปตามหาน้องชมพู่นั้น เป็นกระเป๋าเป้สีน้ำเงินใบเล็กๆ ซึ่งเดิมทีช่วงวันที่ 12-13 พ.ค.63 ตนได้นำผ้าขนหนูเล็กไว้เช็ดตัว กางขาสั้นกีฬา, เสื้อ 2 ตัว, น้ำ 1 ขวดเล็ก, นมเปรี้ยวกล่องใหญ่ 1 กล่อง ขนม 1 ห่อ และลูกลิ้นจี่ ใส่กระเป๋าเอาไว้และออกเดินตามหาน้องชมพู่ แต่ในวันที่ 14 พ.ค. 63
มีกระแสข่าวว่า เจอรองเท้าเด็กอยู่บนเขา ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าลูกสาวเสียชีวิต ซึ่งตนก็รู้สึกกังวลและอยากไปตามหาลูกสาว แต่ยอมรับว่าในตอนนั้น ตนเดินตามหาลูกมา 3 วันจนเดินไม่ไหวแล้ว เพราะเดินตามหาลูกตั้งแต่เช้ายันเย็นทุกวัน ขณะเดียวกันเจอกับลุงไชย์พล ที่กำลังจะเดินขึ้นเขาตามหาพอดี ตนจึงได้มอบกระเป๋าเป้ให้กับลุงพลเป็นคนดูแล เพราะหวังว่าถ้าเดินไปเจอน้องชมพู่ จะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและเอาอาหารให้ลูกกิน
ตอนนั้นตนก็ยังมั่นใจว่าน้องชมพู่ยังมีชีวิตแต่ความจริงได้เสียชีวิตแล้ว ลุงพลจึงได้ทิ้งกระเป๋าใบนั้นไว้บนเขา เพราะต้องการถวายสิ่งของให้หลานสาว แต่ช่วงหลังตำรวจก็ไปเก็บกลับมาไว้เป็นหลักฐาน
นายอนามัย กล่าวต่อว่า วันนี้ตำรวจอาจจะลงพื้นที่เป็นวันสุดท้ายและอาจจะทำงานด้านเอกสาร ซึ่งตนก็ยังมีความเชื่อใจในการทำงานของตำรวจ มั่นใจว่าใกล้จะจับคนร้ายได้ ยอมรับว่า รู้สึกแค้นคนร้าย แต่ตนก็ต้องเดินหน้าต่อไปเพราะมีลูกสาวคนโตที่ตนต้องเลี้ยงดู ซึ่งตอนนี้เมื่อต้องอยู่ตามลำพังกับครอบครัว ก็ยอมรับว่ารู้สึกหดหู่เสียใจมาก ๆ เพราะคิดถึงลูกคนเล็ก
ภาพจาก amarintv
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุก็มีกระแสตีกลับมาที่ตน เพราะบางคนก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไมพ่อแม่ของชมพู่ไม่ร้องไห้ แต่ที่ตนไม่ร้องไห้ ก็เพราะต้องเจอกับผู้คนและตำรวจ
ขณะที่ช่อง 3 ออนไลน์ รายงานว่า แม่ของน้องชมพู่ กล่าวว่า แม่ก็แอบมีบุคคลต้องสงสัยในใจและหากตำรวจจับกุมคนร้ายตัวจริงได้ ก็ต้องดูพยานหลักฐาน ต้องชัดเจน หากไม่ชัดเจนแม่จะเป็นบาปในใจ
ขอบคุณที่มาจาก amarintv